pionex banner

paramitor spot grid

ถ้าเราจะพูดถึงประเภทบอทเทรดที่นิยมใช้กันมากที่สุดแล้ว finally ในตลาด และสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนแล้ว คงหนีไม่พ้นบอทเทรดประเภท Spot Grid ซึ่งมีอยู่ในทุกผู้ให้บริการ

อย่างไรก็ตาม however ผู้ใช้งานมักจะใช้ระบบ A.I. ในการตั้งค่าแบบอัตโนมัติไปเลย แต่หลายคนก็ต้อง ตั้งค่าด้วยตนเอง เพราะ because ช่วยให้บอทเทรดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าระบบ A.I.

ดังนั้น ผมจึงขออนุญาตใช้บทความนี้ เขียนอธิบาย วิธีตั้งค่า Grid Bot ด้วยตนเอง โดยจะอธิบายประกอบแต่ละขั้นตอนของการตั้งค่าโดยละเอียด คุณสามารถใช้เนื้อหานี้เป็นคู่มือตั้งค่า Grid Bot ด้วยตนเองได้

และสามารประยุกต์หลักการ เพื่อปรับปรุงให้เป็นค่าพารามิเตอร์ ของตนเองเพื่อนำไปใช้งานกับทุกผู้ให้บริการได้เลยครับ


1. รู้จักกับกลยุทธ์ Spot Grid Trading

เมื่อใดก็ตามที่คุณตั้งค่า Spot Grid ด้วยตนเอง ระบบของผู้ให้บริการ เช่น Bitget จะให้คุณเลือกโหมดการทำงานของบอทด้วย ซึ่งจะช่วยให้การเปิดกริดมีความเฉียบคมต่อการทำกำไรมากขึ้นกว่าระบบ A.I. มาก

โดยโหมดที่มีให้เลือกนั้น มักจะมี 3 แบบดังต่อไปนี้คือ

โหมดเหมาะสมกับเทรนด์คำอธิบายโดยย่อ
Forward (Normal)Uptrendซื้อราคาต่ำและขายราคาสูง เมื่อราคาขยับขึ้น
ReverseDowntrendขายราคาสูงกว่า และซื้อกลับคืนเมื่อราคาลดลง
NeutralSidewayซื้อราคาต่ำและขายราคาสูง ตามกริดกำหนด

เพื่อให้เราเข้าใจโหมดทั้งสามแบบมากขึ้น ผมขออธิบายเรียงไปทีละโหมด ดังนี้

1.Forward Mode (Normal)

คือโหมดที่เน้นการทำกำไรจากแนวโน้มตลาดขาขึ้น (bullish market) โดย Forward Mode จะทำงานตามหลักการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่า และขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าเมื่อราคาขยับขึ้น โดยบอทจะเปิดคำสั่งซื้อและขายในแต่ละระดับของ Grid ตามช่วงราคาที่ตั้งไว้

ภาพแสดง โหมด Forword ของ Spot Grid Bot

ลักษณะการทำงาน
1
ซื้อราคาต่ำ
บอทจะนำเหรียญ USDT ซื้อเหรียญคริปโตเมื่อราคาต่ำกว่าระดับที่ตั้งไว้ตาม Grid ที่กำหนด โดย Forward Mode จะมุ่งเน้นการสะสมสินทรัพย์ในช่วงที่ราคาลดลง
2
ขายราคาสูง
เมื่อราคาของเหรียญคริปโตเพิ่มขึ้นและเคลื่อนที่ไปตาม Grid ที่ตั้งไว้ บอทจะทำการขายสินทรัพย์ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ให้เป็นเหรียญ USDT เพื่อทำกำไรจากการที่ราคาขึ้นไปถึงระดับที่ตั้งไว้
3
มุ่งทำกำไรในตลาดขาขึ้นเท่านั้น
Forward Mode ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยบอทจะซื้อเมื่อราคาลดลง และขายเมื่อราคาขึ้น ทำให้สามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะตลาดที่ราคากำลังขยับสูงขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน

สมมติว่าคุณตั้งค่า Forward Mode กับ Bitcoin (BTC) โดยกำหนดช่วงราคาตั้งแต่ 28,000 USDT ถึง 32,000 USDT
และแบ่งเป็น 10 Grid

ตัวอย่างการใช้งาน Forward Mode
1
เมื่อราคาตกลงไปที่ 28,500 USDT บอทจะทำการซื้อ BTC ตาม Grid ที่ตั้งไว้

forward mode grid
2
เมื่อราคาขยับขึ้นไปที่ 29,500 USDT บอทจะทำการขาย BTC ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ ทำกำไรจากการขายที่ราคาสูงกว่า

forward mode grid 1

สรุปได้ว่า Forward Mode เป็นโหมดการเทรดที่เหมาะสำหรับตลาดขาขึ้น โดยเน้นการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำและขายในราคาที่สูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น moreover การตั้งค่า Forward Mode บนบอทเทรดจะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ขยับสูงขึ้นอย่างอัตโนมัติในช่วงราคาที่กำหนด

2.Reverse Mode

เป็นโหมดที่เน้นการทำกำไรจากแนวโน้มตลาดขาลง (bearish market) โดยบอทจะทำงานตามหลักการตรงข้ามกับ Forward Mode คือบอทจะขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่า และซื้อสินทรัพย์กลับคืนในราคาที่ต่ำกว่าเมื่อราคาลดลง ทำให้สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลง

ภาพแสดงโหมด Reverse ของ Bitget

ลักษณะการทำงาน
1
ขายเมื่อช่วงราคาสูง
บอทจะทำการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ (เช่นคุณมี BTC อยู่ในพอร์ต) เมื่อราคาขึ้นถึงระดับที่ตั้งไว้ในแต่ละ Grid ตามโหมด Reverse
2
ซื้อกลับคืนเมื่อราคาลดลง
เมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงถึงระดับที่ตั้งค่าไว้ใน Grid บอทจะทำการซื้อสินทรัพย์กลับมาในราคาที่ต่ำกว่า โดยทำกำไรจากการที่ขายในราคาสูงและซื้อคืนในราคาที่ต่ำ
3
มุ่งทำกำไรในตลาดขาลงเท่านั้น
Reverse Mode เหมาะกับสภาวะตลาดที่ราคาสินทรัพย์กำลังลดลง โดยบอทจะขายสินทรัพย์เมื่อราคาสูงขึ้น และซื้อสินทรัพย์กลับเมื่อราคาต่ำลง

ตัวอย่างการใช้งาน

สมมติว่าคุณตั้งค่า Reverse Mode บน Bitcoin (BTC) โดยกำหนดช่วงราคาอยู่ที่ 32,000 USDT ถึง 28,000 USDT
และแบ่งเป็น 10 Grid

ตัวอย่างการใช้งาน Reverse Mode
1
เมื่อราคาขึ้นไปที่ 31,500 USDT บอทจะทำการขาย BTC ตาม Grid ที่ตั้งไว้

reverse mode grid
2
เมื่อราคาลดลงไปที่ 30,500 USDT บอทจะทำการซื้อ BTC กลับมาในราคาที่ต่ำกว่า

reverse grid mode 1

กล่าวโดยสรุป Reverse Mode เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับการทำกำไรในตลาดขาลง โดยบอทจะขายสินทรัพย์ในราคาสูง และซื้อกลับเมื่อราคาลดลง ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.Neutral Mode

คือโหมดที่บอทจะทำงานโดยไม่มีการคำนึงถึงแนวโน้มของตลาด (ไม่เน้นขาขึ้นหรือ or ขาลง) เป็นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทั้งในทิศทางขึ้นและลง โดยบอทจะทำการซื้อเมื่อราคาลดลงและขายเมื่อราคาสูงขึ้นในทุกช่วงที่กำหนดไว้ใน Grid โดยไม่เน้นว่าจะเป็นตลาดขาขึ้นหรือขาลง

ภาพแสดงโหมด Neutral บน Bitget

ลักษณะการทำงาน
1
ซื้อเมื่อช่วงราคาต่ำ
บอทจะทำการซื้อสินทรัพย์เมื่อราคาตกลงมาถึงระดับที่ตั้งไว้ใน Grid เพื่อสะสมสินทรัพย์ในราคาต่ำ
2
ขายเมื่อช่วงราคาสูง
เมื่อราคาขยับขึ้นถึงระดับที่ตั้งไว้ บอทจะทำการขายสินทรัพย์ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ เพื่อทำกำไรจากการขายในราคาที่สูงกว่า
3
มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา
Neutral Mode เหมาะสำหรับตลาดที่มีความผันผวนในช่วงราคาหนึ่ง แต่ไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเป็นขาขึ้นหรือ or ขาลง โดยบอทจะทำงานเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาทั้งในช่วงที่ราคาขึ้นและลงในกรอบที่กำหนดไว้

ตัวอย่างการใช้งาน

สมมติว่าคุณตั้งค่า Neutral Mode บน Bitcoin (BTC) โดยกำหนดช่วงราคาอยู่ที่ 28,000 USDT ถึง 32,000 USDT
และแบ่งเป็น 10 Grid

ตัวอย่างการใช้งาน Neutral Mode
1
เมื่อราคาตกลงไปที่ 28,500 USDT บอทจะทำการซื้อ BTC ตามที่ตั้งไว้

forward mode grid
2
เมื่อราคาขยับขึ้นไปที่ 29,500 USDT บอทจะทำการขาย BTC ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ ทำกำไรจากการขายที่ราคาสูงกว่า

forward mode grid 1
3
หากราคาลดลงอีกครั้ง เช่น 28,200 USDT บอทจะทำการซื้ออีกครั้งและขายเมื่อราคาขยับขึ้น

neutral mode bitget

Neutral Mode เป็นโหมดการเทรดที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทั้งในช่วงขึ้นและลง โดยไม่เน้นแนวโน้มตลาดขาขึ้นหรือขาลง เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนในกรอบราคาหนึ่ง ซึ่งบอทจะซื้อขายสินทรัพย์ตามระดับราคาที่ตั้งไว้ใน Grid เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงต่าง ๆ


2. วิธีคำนวณค่า Price Range

ค่าแรกที่เราต้องหามาให้ได้ก่อน คือค่า Price Range หรือค่าราคาต่ำสุดและค่าราคาสูงสุดของกริดที่เราจะเปิดครับ โดยค่านี้จะเป็นตัวกำหนดกรอบการเทรดของบอทว่าจะเทรดอยู่ในช่วงของราคาเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเราเลือกกรอบที่ดีมา จะส่งผลให้เราทำกำไรได้ดีมาก

ดังนั้น (so) คำถามสำคัญคือ แล้วเราจะใช้สูตรอะไรเพื่อคำนวณหาค่าดังกล่าว? คำตอบคือ มีอยู่ด้วยกันหลายสูตรมากครับ แต่เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา ผมคิดว่าเอาไปหนึ่งสูตรพอครับ คือ…

ราคา ณ เส้นแนวต้าน = max price range
ราคา ณ เส้นแนวรับ = min price range

สูตรใช้เส้นแนวรับและแนวต้าน

เนื่องจาก Grid Bot นั้น มักออกแบบมาเพื่อให้เทรดในกรอบการเคลื่อนไหวของราคาแบบ Sideway เป็นหลัก ดังนั้น สูตรที่นิยมใช้นำมาหาค่า Price Range คือ การใช้เส้นแนวรับและแนวต้านของราคานั่นเอง

ภาพแสดงเส้นแนวรับ และเส้นแนวต้านในรูปแบบตีในแนวนอน

ซึ่งวิธีการหาเส้นแนวรับแนวต้านนั้น คุณอาจใช้ วิธีตีเส้นเทรนด์ไลน์ (แนะนำ), หรือ or ใช้ตัวชี้วัดอาทิเช่น Bollinger Band, MACD ก็ได้ครับ เมื่อเราได้เส้นแนวรับแนวต้านแล้ว เราก็นำเส้นเหล่านั้นมาใช้เป็นค่า Max Min Price Range

ตัวอย่างประกอบคำอธิบายสูตร

เทคนิค กำหนดช่วงราคาให้อยู่ระหว่างแนวรับและแนวต้านที่คาดการณ์ไว้ เช่น หากแนวรับอยู่ที่ 28,000 USDT และแนวต้านอยู่ที่ 32,000 USDT คุณสามารถตั้ง Grid ระหว่าง 28,000 – 32,000 USDT

สูตรเสริมพิเศษ (Safty Buffer)

และเพื่อให้การตั้งค่าของคุณนั้นเทพขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ ผมขอเสนอสูตรพิเศษ ซึ่งเรียกว่า Safty Buffer โดยสูตรนี้จะเกิดขึ้นได้ คุณจะต้องคำนวณเพื่อหาคาเส้นแนวรับแนวต้านจากสองสูตรแรกเรียบร้อยแล้วนะครับ

โดยเมื่อเราได้ค่ามาแล้ว เราจะเพิ่มความถ่างของกริดเพิ่มขึ้นอีก 10% เพื่อเพิ่ม พื้นที่ช่วงราคานอกเหนือจากที่คาดการณ์ไว้จะช่วยป้องกันการสูญเสีย ตัวอย่างเช่น

พารามิเตอร์ราคาที่ได้ตั้งราคาสูตร Safety Buffer
ราคาเส้นแนวรับ28,00029,000
ราคาเส้นแนวต้าน32,00033,000

แน่นอนว่าไม่มีตัวเลขที่ตายตัวในการกำหนดค่า % ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราเลย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตั้งค่าขั้นต่ำไว้ที่ 10% แล้วกัน และหลังจากที่เราได้ค่าเส้นแนวรับแนวต้านเรียบร้อย ค่าต่อไปที่เราจะต้องหามาคือค่า “ช่วงราคา”


3.วิธีกำหนดจำนวนกริด (Grid)

สูตรที่ใช้กำหนดจำนวนกริดนั้นมีอยู่ด้วยกันสองสูตร คึอสูตรแทนค่าในสมการ กับสูตรผลสรุปตาราง ซึ่งจากการทดลองของผมพบว่า หากเลือกใช้สูตรแทนค่าในสมการ ค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากว่าระบบมิได้ให้เรากำหนดขนาดของกริด (Grid Lot) ดังนั้น (so) การใช้สูตรผลสรุปตาราง (grids table comparition) จึงง่ายกว่ามากครับ

Low Grid CountMedium Grid CountHigh Grid Count
5-20 Grids
ใช้เมื่อตลาดระบุเทรนด์ได้ชัดเจน
21-50 Grids
ใช้เมื่อตลาดเป็น Sideway กว้าง
51+ Grids
ใช้เมื่อตลาดเป็น Sideway แคบ
ตารางสูตร grids table comparition

หัวใจของการเลือกค่าในตารางคือ คุณจะต้องตอบให้ได้ว่าคริปโตที่คุณเทรดนั้นมีเทรนด์ของกราฟเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าตอบได้แล้วทุกอย่างก็ไม่ยากแล้วครับ

ตัวอย่างเช่น

หากคุณพบว่ากราฟของคุณเป็นเทรนด์ขาขึ้นชัดเจน แบบนี้ก็คุณเลือกกริดระหว่าง 5-20 Grid ซึ่งโดยมากผมมักจะเลือกฝั่งขามาก ก็คือ 20 Grids เลย แต่ถ้าคุณต้องการความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วย ก็อาจเลือกกริดแค่ 5 Grids ก็ได้


4.การระบุเงินทุนของ spot grid

โดยปกติเมื่อเราเติมเงินเข้าบัญชี Spot Wallet เมื่อถึงขั้นตอนการระบุเงินทุน ระบบจะตัดเงินจากบัญชี Spot wallet ของคุณได้เลย ซึ่งผู้ให้บริการทั้งหมดต่างใช้วิธีเดียวกันทั้งสิ้น

ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณสามารถระบุจำนวนเงินทุนที่ต้องการเทรดลงไปได้เลย โดยควรเตรียมเป็นเหรียญ USDT ไว้เพื่อใช้เทรด เว้นเสียแต่คุณเลือกโหมด Reverse Mode คุณจะต้องเตรียมเหรียญคริปโตนั้น ๆ เช่น BTC เพื่อให้ระบบตัดเมื่อตอนเปิดบอท

สำหรับสูตรการระบุเงินทุนนั้นไม่มีอะไรตายตัว ดังนั้น so โดยปกติเราก็จะใส่เต็ม 100% ของเงินทุนที่มี (เว้นเสียแต่คุณเปิดบอทเทรดหลายตัว ก็ให้แบ่งตามสัดส่วนที่วางแผนไว้)

หลังจากคุณระบุเงินทุนแล้ว ในส่วนตัอไปคือ คุณอาจต้องระบุค่าตัวหนึ่งว่าต้องการดำเนินการหรือว่า เราจะเรียกว่า Trailing Grid ซึ่งผมขออธิบายในหัวข้อต่อไปดังนี้


5.ทำความเข้าใจค่า Trailing Grid

เราจะเปิดใช้งาน Trailing Grid เพื่อให้ช่วงของกริดปรับตามการเคลื่อนไหวของราคา และหลีกเลี่ยงการพลาดโอกาสในตลาด

ตัวอย่าง หากช่วงกริดเดิมอยู่ที่ 20,000–25,000 และตั้งค่าให้ Trailing Grid ถูกเรียกใช้งานเมื่อราคาค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 1% ช่วงกริดจะปรับเป็น 22,000–27,000 โดยอัตโนมัติเมื่อ Trailing Grid ถูกเรียกใช้ คุณสมบัตินี้ช่วยหลีกเลี่ยงการพลาดแนวโน้มขาขึ้นหลังจากนั้น ช่วยเพิ่มกำไรจากการเก็งกำไร และใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย

โดยการตั้งค่า % Trailing Grid สามารถแบ่งตามช่วงราคาหรือความผันผวนที่คาดหวังได้ โดยการตั้งค่าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดและกลยุทธ์การเทรดของคุณ ตารางด้านล่างแสดงแนวทางในการตั้งค่า % Trailing Grid สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ

ประเภทตลาด% Trailing Grid ที่แนะนำ
ผันผวนต่ำ0.5% – 1%
ผันผวนปานกลาง1% – 2%
ผันผวนสูง2% – 3%
ขาขึ้น1% – 2%
ขาลง1.5% – 3%
กลับตัวบ่อย2% – 5%
ตารางแสดง ตัวเลข % Trailing Grid แนะนำ

6.การกำหนดค่าสิ้นสุดการทำงานของบอท Spot grid

วิธีกำหนดการสิ้นสุดการทำงานของบอท ถือเป็นอีกหนึ่งพารามิเตอร์ที่มีความสำคัญครับ เพราะ because ช่วยให้เราสรุปการทำกำไรได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยให้ลดความเสี่ยงเรื่องการล้างพอร์ตได้ด้วย (ปกติจะไม่มีทางล้างพอร์ตได้ 100%)

โดยค่าที่นิยมปรับแต่งกันมีดังนี้

Sell at terminateขายสินทรัพย์ทั้งหมด
Hold Modeบอทจะไม่ทำการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่เมื่อสิ้นสุดการทำงาน

ทำความรู้จักกับค่า Sell at terminate

“Sell at termination” หมายถึงการตั้งค่าให้ ขายสินทรัพย์ทั้งหมด เมื่อบอทหยุดทำงานหรือสิ้นสุดการทำงาน (termination) ในการเทรดด้วยบอทแบบ Spot หรือกลยุทธ์การเทรดอัตโนมัติอื่น ๆ

การตั้งค่านี้มักใช้เมื่อผู้ใช้ต้องการให้บอทขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ทั้งหมด ณ เวลาที่บอทปิดตัวลง เพื่อป้องกันการถือสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ตั้งใจหลังจากหยุดการทำงานของบอท

คุณสมบัติของ Sell at terminate
เมื่อบอทสิ้นสุดการทำงานหรือหยุดด้วยการปิดบอท สินทรัพย์จะถูกขายเป็นเหรียญ USDT ทั้งหมด

Hold Mode คืออะไร

“Hold Mode” ในการเทรดด้วยบอท หมายถึงโหมดที่บอทจะไม่ทำการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่เมื่อสิ้นสุดการทำงานหรือถูกหยุด (termination) ในโหมดนี้ บอทจะยังคงถือครองสินทรัพย์ไว้ตามที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น โดยไม่ขายคืนเป็นเงินสดหรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น

คุณสมบัติของ Hold Mode
เมื่อบอทสิ้นสุดการทำงานหรือหยุดด้วยการปิดบอท สินทรัพย์ที่บอทถืออยู่จะถูกเก็บไว้ในพอร์ตของคุณ
คุณจะยังคงครอบครองสินทรัพย์นั้น ๆ และสามารถเลือกที่จะขายเองในภายหลังหรือเก็บไว้เพื่อการลงทุนระยะยาว

หัวใจของการเปิดโหมด Hold Mode ไว้คือ คุณคาดหวังว่า ราคาเหรียญคริปโตนั้น ๆ อาจขึ้นเพิ่มอีกในอนาคต ดังนั้น so จึงไม่อยากขายเหรียญทั้งหมดออกมาเป็น USDT เพื่อเข้าซื้อใหม่

ตอนนี้ผมคิดว่าคุณเข้าใจเกี่ยวกับค่าพารามิเตอร์ที่สำคัญของการเปิดบอทด้วยตนเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น so ในขั้นตอนต่อไป เพื่อเพิ่มความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ผมจะขอยกตัวอย่างจริง โดยเทียบกับการเปิดบนผู้ให้บริการ Bitget ครับ

โดยขั้นตอนทั้งหมดนั้นจะทำบน App มือถือ ดังนั้น so ถ้าคุณอยากจะลองทำตาม ก็อาจสมัครผู้ให้บริการ Bitget แล้วทดลองเซตค่าตามไปด้วยเลยก็ได้ครับ หรือจะดูไว้เป็นแนวทาง เพื่อประยุกต์ใช้กับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ อาทิเช่น Pionex, Binance เป็นต้นก็ได้เช่นกัน

พร้อมแล้วเราไปศึกษาตัวอย่างกันเลย!


ตัวอย่างขั้นตอนการตั้งค่า Spot Grid บนมือถือ

เพื่อความเข้าใจดียิ่งขึ้นผมขอยกตัวอย่าง การตั้งค่าด้วยตนเองบนผู้ให้บริการ Bitget ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม และใช้งานง่าย มีพารามิเตอร์ให้ปรับแต่งละเอียด ส่งผลให้เราสามารถเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อเดือนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยผู้ใช้งานทั่วไป โดยวิธีตั้งค่ามีดังต่อไปนี้ครับ

1.เลือกรูปแบบกลยุทธ์

อันดับแรก ให้คุณเลือกกลยุทธ์ของ Grid Trading ว่าจะให้เปิดเส้นกริดในรูปแบบใด ซึ่งผู้ให้บริการ Bitget นั้นกำหนดมาให้เราเลือกจำนวน 3 แบบด้วยกันตามตารางด้านล่าง

กลยุทธ์เหมาะสมกับเทรนด์คำอธิบายโดยย่อ
ForwardUptrendซื้อราคาต่ำและขายราคาสูง เมื่อราคาขยับขึ้น
ReverseDowntrendขายราคาสูงกว่า และซื้อกลับคืนเมื่อราคาลดลง
NeutralSidewayซื้อราคาต่ำและขายราคาสูง ตามกริดกำหนด

โดยผมจะเลือกเป็น Forword เพราะ because ผมมั่นใจว่ากราฟของ BTC นั้นจะย่อตัวและปรับเป็นขาขึ้นอย่างแน่นอน

2.ระบุค่า Price range

เริ่มต้นจากให้คุณระบุค่า Price range ก่อน ซึ่งค่านี้ได้มาจากการคำนวณหา Price range จากสองสูตรหลักคือ สูตรที่หนึ่ง คำนวณหาค่า Price range จากกรอบแนวรับแนวต้าน และ (and) สูตรที่สองคือ คำนวณจากการใช้ตัวชี้วัด โดยเมื่อเราได้ค่ามาแล้วให้นำมากรอกในช่องตามภาพด้านล่าง

เมื่อผมคำนวณแล้วพบว่าค่าที่ผมได้มาคือ

3.ระบุจำนวนกริด (Grids) ของ spot grid

ลำดับต่อไป เราต้องกำหนดจำนวนกริด ซึ่ง Bitget อนุญาตให้เราใส่จำนวนกริดได้ตั้งแต่ 2 ถึง 1,000 กริด โดยเมื่อเราใส่ตัวเลขลงไปแล้ว ระบบจะคำนวณกำไรต่อกริด (รวมค่าธรรมเนียมแล้ว) มาให้เราเห็นด้วย

manual grid trading bitget 4

แต่ประเด็นคือ เราจะใส่ตัวเลขเท่าไหร่ดี?

ดังนั้น so เพื่อหาตัวเลขนี้เราจะต้องใช้สูตรการคำนวณจากตารางค่าเฉลี่ยกริด (grids table comparition) โดยรายละเอียดในตารางมีดังนี้

Low Grid CountMedium Grid CountHigh Grid Count
5-20 Grids21-50 Grids51+ Grids
ใช้เมื่อตลาดระบุเทรนด์ได้ชัดเจนใช้เมื่อตลาดเป็น Sideway กว้างใช้เมื่อตลาดเป็น Sideway แคบ
ตารางสูตร grids table comparition

ซึ่งจากสูตรในตารางข้างต้น ก่อนที่เราจะกำหนดจำนวนกริดคือ เราจะต้องหาว่ากราฟของเหรียญที่เราจะเปิดบอทเทรดนั้น มีเทรนด์อย่างไรและ (and) มีกรอบความผันผวนของราคาเป็นอย่างไร (กว้าง หรือ แคบ)

โดยเราจะเช็คได้ด้วยการใช้ Indicator ง่าย ๆ อย่าง Bollinger band ครับ

ตอนนี้เราตรวสอบแล้วพบว่า เทรนด์ของกราฟในเวลา 30 วันที่ผ่านมาเป็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งหมายถึง ระบุเทรนด์ได้ชัดเจน ดังนั้น so เราจะใช้จำนวนกริดแบบ Low Grid Count ซึ่งผมจะตั้งจำนวน 20 กริด

4.ระบุจำนวนเงินทุน spot grid

จำนวนเงินทุนนั้นระบบจะให้เลือกตั้งแต่ 0-100 ซึ่งโดยปกติเราก็จะใส่จำนวน 100 เต็มเลย

5.ตั้งค่า Trailing Grid บน spot grid

ค่า Trailing Grid นั้นเป็นกลยุทธ์พิเศษเฉพาะของทาง Bitget ยิ่งไปกว่านั้น moreover ยังช่วยให้ผู้ใช้งานทำกำไรแบบต่อเนื่องไม่ต้องหยุดพักบอท โดยความหมายของ TG คือ ซึ่งคุณจะต้องกำหนดเป็น % โดยสูตรการกำหนด % สามารถทำได้ตามตารางสูตรด้านล่าง

6.ตั้งค่าการสิ้นสุดการทำงานของบอท

เมื่อเรากรอกค่าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายสุด in the end ระบบจะให้เราระบุว่า จะให้บอทเทรดยุติการทำงานอย่างไร ซึ่งโดยปกตินั้น บอทเทรดประเภทนี้ทุกผู้ให้บริการ บอทจะหยุดทำงานเมื่อกราฟเลยออกจากกรอบ Price range ที่เรากำหนด โดยเมื่อราคาเลยจากกรอบ บอทจะบังคับขายเหรียญให้กลายเป็นเงิน USDT ทั้งหมด

แต่สำหรับ Bitget นั้นจะมีสองโหมดให้คุณได้ใช้งานประกอบด้วย

Sell at terminateขายสินทรัพย์ทั้งหมด
On holdบอทจะไม่ทำการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่เมื่อสิ้นสุดการทำงาน

ความเห็นส่วนตัวของผมนั้นคือ ควรใช้เป็นโหมด Sell at terminate เพื่อให้เรามีเวลาตัดสินใจก่อน

7.กดปุ่ม Create

เมื่อทุกอย่างตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ในลำดับสุดท้ายคือ ให้คุณกดปุ่ม Create เพื่อเปิดการทำงานของบอทเทรดครับ เพียงเท่านี้เท่ากับว่า จบหลักสูตรการตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเอาขั้นตอนที่ผู้เขียนอธิบายนี้ไปปรับใช้กับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ อาทิเช่น Binance, Pionex หรือ Cryptohopper เป็นต้น

แต่ก่อนที่เราจะจบบทความนี้ ผมเห็นว่ายังมีอีกเนื้อหาส่วนหนึ่งที่เราจะพบตอนตั้งค่าที่ Bitget นั่นคือ หมวด Advanced Setting ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องตั้งค่าก็ได้ครับ

แต่ถ้าคุณสนใจ และ and รู้สึกว่า ฉันอยากจะทำความเข้าใจโหมดนี้ด้วย ถ้าอย่างนั้นผมขอเสนอเนื้อหาส่วนนี้ให้เป็นโบนัสสำหรับคุณ ในฐานะที่คุณตั้งใจอ่านบทความจนจบนะครับ

โดยรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านเนื้อหาพร้อมกันเลย


เปลี่ยนเงินออมให้เป็นเงินแสนทุกเดือน


อาจารย์ต้น
อาจารย์ต้น

อาจารย์ต้นมีประสบการณ์ในวงการคริปโตกว่า 8 ปี ในฐานะนักเขียนอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์เหรียญและสอนการเทรดคริปโต โดยเฉพาะการใช้งานบอทเทรด นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำด้านการชวนนักเทรดสมัครเป็นสมาชิกโบรกเกอร์อิสระ เพื่อเสริมสร้างความสำเร็จในวงการคริปโตไปด้วยกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published.